Saturday, November 16, 2013

Keep Moving


การที่เราฝึกฝนจนเป็นคนที่เสพติดความสำเร็จมันช่วยให้เราไม่หยุด แม้วันพรุ่งนี้ยอดจะไม่ได้พุ่งแบบนี้ (คิดว่าไม่น่าจะพุ่ง เพราะเป็นวันอาทิตย์) ก็ไม่ได้ทำให้พลังแห่งความหิวกระหายความสำเร็จเหือดแห้งลงไป ยอดที่เห็นเป็นยอดปัจจุบัน ณ เวลาที่อัพเดตบล็อก แค็บมาเป็นกำลังใจว่า ไม่มีอะไรที่อยากทำแล้วทำไม่ได้

ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่า การลงมือทำ เป็นสิ่งเดียวที่จะตัดสินว่าใครจะประสบความสำเร็จ ฟันธง! ไ้ด้เลยว่า คนที่ไม่ทำอะไรเลยไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ หลักการสำคัญมันมีแค่นี้จริง ๆ คุณอาจจะอ่านหนังสือมาเป็นร้อยเล่ม อาจจะเข้าสัมนามาเป็นสิบครั้ง แต่ไม่เคยฝึกฝนตามความรู้ที่มีเลย ก็ไม่อาจจะใช้ความรู้ที่มีให้เกิดประโยชน์ได้ อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ เข้าคอร์สนู่น นี่ นั่น แต่ไม่เคยฝึกพูดเลยมันจะพูดได้มั๊ยเนี่ย

Friday, November 15, 2013

7 Search Again

หลังจากเริ่มกลับมาจับ PPC อีกครั้ง เริ่มต้นด้วย 7search ก็พบกับความแปลกใจว่ามันเพิ่ม Feature ใหม่ให้เยอะแยะ โดยมีการแยกเมนู Tool ออกมาต่างหาก เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
(มันเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่ทราบนะครับ)

เมนูใหม่ที่ผมจะพูดถึงในวันนี้นั่นคือ SubID Bid Overrides and Blocks จริง ๆ แล้วของเก่าเค้าก็มีอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ มันยุ่งยาก เราต้องเก็บค่า Traffic จาก SubID ให้ครบ 100 คลิกก่อน ถึงจะ Block ได้ซึ่งกว่าจะครบ เรียกว่าเกือบหมดตัวแล้วถึงจะหยุดทราฟฟิกจากมันได้ แต่กลับมาคราวนี้เรียกว่าถูกใจผมกันเลยทีเดียว แค่ทดสอบแค่ 1 วัน เราสามารถเก็บสถิติ พอมองเห็นบ้างแล้ว Junk Traffic มันมาจาก SubID ไหน เราสามารถ Block ได้เลย ไม่ต้องรอซึ่งจริง ๆ เราอาจจะพลาดก็ได้ แต่ในกรณีที่เราต้องการเซฟไว้ก่อนก็เอาเฉพาะตัวที่เห็น ๆ ว่าทำเงินไป เพิ่มบิดได้ด้วย อันไหนไม่แน่ใจเราก็ลดบิดได้ กรณีเพิ่มบิดลดบิดไม่ได้ทำในแคมเปญนะครับ แต่เอา SubID มาทำ หมายความว่าในแคมเปญของเราบิด 0.05 แต่เฉพาะ SubID ที่ทำเงินเราเำพิ่มบิด ตัวที่ยังไม่ชัวร์ ก็ลดบิด ตัวที่ผลาญ เราก็บล็อค มันซะเลย เรียบร้อยโรงเรียนเรา


หลังจากเริ่มรันแคมเปญมาได้สองวันก็พบกับความเปลี่ยนแปลงแล้วยอดที่เห็นถึงวันที่ 13 คือยอดที่ไม่ทำอะไรเลย พอเริ่มลงมือทำเท่านั้นแหละก็เห็นเลยว่ามันเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ยิ่งช่วงนี้ BFD กำลังมาแรง มันก็ทำ CPA ได้เหมือนกันถ้าเรามีไอเดีย

Wednesday, November 13, 2013

Paid Advertising VS Free Advertising

Paid Advertising VS Free Advertising

ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ไอ้สองแบบนี้ แบบไหนมันดีกว่ากัน ผมเองเคยทำเงินเป็นกอบเป็นกำ (มากกว่า 2000 เหรียญต่อเดือน) กับ Free Traffic Ads โดยการทำ SEO กับ Bing แต่กาลเวลาล่วงเลย มันเหมือนลมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมไม่เคยได้ทราฟฟิกวันละ 500 uip อีกเลยกับ Bing ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเทรนด์มันก็ย่อมมีขึ้น ๆ ลง ๆ สุดท้ายผมจึงต้องหันไปหา Paid Traffic เพื่อความคงเส้นคงวาของรายได้ ซึ่งมันก็ยังไม่ถึงจุดนั้น

Free Traffic Advertising
ผมยกตัวอย่างกับ Youtube ละกันนะครับ สมมติว่าผมอัพโหลด 3000 วิดีโอขึ้นไป ซึ่งมันก็แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำเงินให้เราทุกตัวหรอก อาจจะมีแค่ 1% เท่านั้น สมมติว่า 30 วิดีโอ ทำเงินให้เราทุกวัน วันละ 1 เหรียญต่อวิดีโอนั้น เราก็จะได้เงิน 30 เหรียญ ต่อวัน 900 เหรียญ ต่อเดือน ไม่อเมซิ่งนะครับ ผมเชื่อว่ามันทำได้ แต่ต้องใช้เวลา 5 ปีนะ กว่าจะทำครบ 3000 วิดีโอ วันละ 1 วิดีโอ 10 ปีนู่นหล่ะ ถึงจะครบจำนวน มันไม่คุ้มกันเลย นอกจากคุณทำเป็นงานอดิเรก ความเสี่ยงคือ แอคเค้าท์ถูกแบน, YT ปิด, google ตัดวิดีโอออกจากผลการค้นหาปกติ ฯลฯ คุ้มมั๊ยครับ นอกเสียจากเจอแจ็คพ็อตเบรคแตก

สุดท้ายก็ต้องไม่ลืมว่า ถึงแม้ไม่ได้จ่ายเงิน เราก็ต้องจ่ายเป็น เวลา ซึ่งสำคัญกว่าเงินซะอีกในโลกปัจจุบันนี้

Paid Traffic Advertising
คงเปล่าประโยชน์ที่จะสาธยายถึงสรรพคุณของ Paid Ads แต่มันมีมากมายหลายแบบ ทั้ง PPC PPV Contextual etc. เลือกให้เหมาะกับจริตตัวเองดีที่สุดครับไม่ใช่ว่าไปได้ยินเค้าบอกมาว่าตัวนั้นดี ตัวนี้ดี ก็อยากลองไปซะหมด ปัญหาที่แท้าจริงแล้วของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ทำ Paid Ads คือ ทุน จริงมั๊ยครับ

ผมอยากจะทิ้งท้ายโพสต์นี้ไว้ว่า

ไม่มีใครบอกให้คุณประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวได้ นอกจากตัวคุณเอง

ผมชี้ไปที่ประตู คุณต่างหากที่ต้องเป็นคนเดินไปเปิดมัน

Saturday, November 9, 2013

Creative Angles Part1

ผมเขียนว่า Part1 เนื่องจากว่าอาจจะมีอีกหลาย ๆ Part ตามมา ซึ่งมันก็ยังไม่แน่นอน เนื่องจากผมอาจจะลืม 55

ถือว่า Part นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการกระตุกสมองละกันครับ พอดีไปเจอใน warrior forum มีคนมาถามว่า เค้าอยากได้ไอเดียทำ date.com ใครช่วยผมหน่อย

เป็นคำถามที่กล้ามากครับ แต่ก็ยังมีคนตอบ คำตอบที่ได้ช่วยให้กระจ่างมาก โดยคำตอบผมขอยกมาเป็นภาษาอังกฤษละกันครับ

there are millions of them. here are some off the top of my head: 

  •  truck drivers 
  •  women who like dogs
  •  men who are into college football 
  •  snowboarders
  •  men who are into skinny smart girls

 just think of random things. build your ad copy and LP around it and target.

ซึ่งเจ้าของ ppccoach ก็เข้ามาเฟิร์มต่อท้ายว่าถูกต้องที่สุด
สิ่งที่ต้องรู้อย่างนึงคือ ใครคือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการ Brainstorming นั่นเอง

ทีนี้ถ้าจะขยายความต่อ สมมติว่าเราได้ว่าจะเอาละ truck drivers แล้วเราจะทำยังไงต่อ การโฆษณาใน POF หรือ FB นั้นมันจะมี ให้เราได้กรอง Target ได้ค่อนข้างดีเยี่ยม นอกจาก อายุ เพศ รายได้ แล้ว ความสนใจหรือ interest ก็คงจะเป็นพระเอกของเรื่องนี้เลยทีเดียว เมื่อเราเลือก Target แล้วก็สร้าง ad ให้สอดคล้องกับ Target นั้น อาจจะเอารูป หญิงสวย ๆ พริตตี้มอเตอร์โชว์ยืนหน้ารถบรรทุกมาสร้างก็ได้ (เค้าจะอนุมัติรึเปล่านะ) จากนั้นก็สร้าง Landing Page ให้สอดคล้องอีกที เพื่อตะล่อมคนขับให้หักหลบมาหาเราให้ได้

เท่านี้ก็เป็นอันจบละ ง่ายจัง ทำเลย.

Friday, November 8, 2013

5 เรื่องที่คนรวยคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป

5 เรื่องที่คนรวยคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป 

มาดูกันว่า 5 เรื่องที่คนรวยคิดไม่เหมือนกับคนทั่วไป นั้นมีอะไรกันบ้าง

1. คนทั่วไปเน้นการออม คนรวยเน้นสร้างรายได้ - ในปี 2012 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีรายได้ปีละ $38,000 ถ้าออมได้ 10% สิ้นปีเราก็จะมีเงินเหลือ $3,800 แต่เราจะไม่รวยขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมาจากการทำแบบนั้น (เราต้องหารายได้ให้มากขึ้น) ... ความจริงแล้วคนรวยก็ออม แต่เขาเน้นที่การสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นก่อน ซึ่งสัดส่วนของเงินออมจะสูงขึ้นมาก (โดยเฉพาะถ้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่น้อยลง) 

2. คนทั่วไปมองการเริ่มธุรกิจส่วนตัวว่าเป็นความเสี่ยง แต่คนรวย (และคนที่มีโอกาสรวย) จะมองเป็นเส้นทางสู่ฐานะที่มั่งคั่ง - คนทั่วไปมองเงินมองด้วยสมการเส้นตรง เช่น สมมติทำงานได้ชั่วโมงละ $X ถ้ายอมทำงานเยอะขึ้น ก็จะได้เงินมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษาดี ก็คิดว่าการเรียน MBA จะช่วยให้ได้เงินมากขึ้น (ก็จริง แต่ก็เป็นการมองแบบเส้นตรงเช่นกัน คือให้เวลากับการเรียน เพื่อสุดท้ายจะเอาวุฒิไปต่อรองรายได้ให้มากขึ้น) ... ส่วนคนรวยจะมองที่ไอเดีย โดยเฉพาะไอเดียที่จะช่วยแก้ปัญหา (และตอบโจทย์ความต้องการ) ของผู้คนได้ และทำเงินจากเรื่องเหล่านี้ ... แต่ถึงกระนั้น คนรวยก็ไม่ได้กระโดดเข้าใส่ไอเดียอย่างไม่ลืมหูลืมหา เขาจะศึกษาความเสี่ยงอย่างดีก่อนที่จะลงมือทำ 

3. คนทั่วไปมองเงินทองด้วยอารมณ์ แต่คนรวยจะมองด้วยเหตุผล - คนทั่วไปมักจะกลัวที่จะขาดทุน/เสียเงิน เมื่อจะทำอะไรใหม่ ๆ แต่คนรวย (และที่มีโอกาสรวย) จะมองเงินว่าเป็นเครื่องมือที่นำมาซึ่งทางเลือกและโอกาส 

4. คนทั่วไปตั้งเป้าหมายอย่างเลื่อนลอย แถมยังผัดวันประกันพรุ่ง ส่วนคนรวยจะตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและยืดมั่นจริงจังกับเส้นตาย - คนทั่วไปอาจลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแบบสะเปะสะปะ แต่คนรวยจะจดจ่อจริงจังอยู่กับธุรกิจเพียงอย่างเดียวที่กำลังปลุกปั้นอยู่ในตอนนั้น และทำทุก ๆ ทาง (ขอให้เป็นทางที่ชอบธรรม) เพื่อให้สำเร็จตามเวลาที่ตั้งใจไว้ (ถ้าทำงานแรกไม่สำเร็จซะที ยอมผัดไปเรื่อย ๆ ก็จะปิดโอกาสในการเริ่มทำงานต่อ ๆ) 

5. คนทั่วไปใช้ชีวิตเกินฐานะที่แท้จริง แต่คนรวยใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะ - ถึงจะมีคนรวยมาก ๆ บางราย ที่แสดงการใช้ชีวิตอย่างสุดหรู (To be fair, อาจจะต่ำกว่าฐานะจริง ๆ ของเขาก็ได้ เช่น มีเงินพันล้านเหรียญ แต่ยังนั่งเฟิร์สคลาส ซึ่งก็หรูแล้วสำหรับคนทั่วไป ส่วนอีกคนมีร้อยล้านเหรียญ ก็มี private แล้ว) ... แต่คนรวยโดยทั่วไป ใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะที่แท้จริง ... คนรวยส่วนใหญ่ (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด - เพราะเราจะเห็นแต่ชีวิตของคนรวยบางส่วนที่เขาแสดงให้เห็นต่อสาธารณะ ส่วนคนรวยที่รวยเงียบ ๆ เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ไม่ใช่ไม่มีอยู่) จะไม่ไหลไปตามกระแสวูบวาบ พวกเขาต้องการอิสระทางการเงิน และจะไม่เป็นทาสของสิ่งต่าง ๆ

ข้อมูลจาก สนุกดอทคอม

หนึ่งในมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกคนนึงที่ผมนิยมชมชอบก็คือ วอเรน บัฟเฟต ผู้ที่เป็นนักลงทุนตลอดชีวิต นอกจากเป็นนักอ่านตัวยงแล้ว ผมยังเป็นนักปฏิบัติซึ่งชอบผัดวันประกันพรุ่งเป็นชีวิตจิตใจ ไม่แปลกใจเลยที่ทำไม ไม่รวยซักที

Tuesday, November 5, 2013

How to make money online

เรื่องที่ยากที่สุด อุปสรรคอันใหญ่หลวงที่สุดของการหาเงินออนไลน์ (หรือการทำธุรกิจทุกประเภท) นั่นก็คือ "การเอาชนะตนเอง" ผมไม่เคยเห็นใครอยู่เฉย ๆ แล้วเงินมันปลิวเข้าบัญชีนะ แม้แต่คนที่ถูกหวยยังต้องลงทุน คือ มันต้องทำอะไรซักอย่างนั่นแหละ

ผมไม่มีความลับอะไรหรอก ผมมีแต่ความจริง คน 100 คน อ่านหนังสือ อาจจะมีแค่ 10 คนที่ทำตาม แล้วก็ 1 คน ที่จะประสบความสำเร็จ นี่คือความจริงอันน่าเจ็บปวด โทษใครไม่ได้จริง ๆ นอกจากโทษตัวเอง ไม่มีใครทำให้คุณ รวย หรือ ไม่รวย ได้ นอกจากตัวคุณเอง

การทำงานย่อมมีอุปสรรค ปัญหา สารพัด แต่ถ้าใครเป็นนักแก้ปัญหาตัวยง เป็นผู้กล้า ท้าชนปัญหา มักจะประสบความสำเร็จ พวกที่อ่านมากรู้มาก มักไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ ถ้าให้ดีก็เลิกอ่าน เพราะมันจะทำให้หยิ่งผยอง รู้มันซะทุกอย่าง ทำแล้วเป็นแบบนี้ แบบนั้น (อ่านมาจากหนังสือ) คือไม่ต้องทำอะไรเลย รู้หมด

แต่ก็ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วไม่ดี ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ อ่านหนังสือมาก ประเทศเค้าเจริญ นักวิชาการเยอะช่วยกันผลักดันประเทศ เห็นได้ชัดว่าวินัยของคนในชาติแข็งแกร่ง ดังนั้นผมสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ หลักในการประสบความสำเร็จในชีวิตคือ ทำ อย่างมีวินัย แค่นี้พอรายละเอียดปลีกย่อยช่างมัน

เช่น
-ตั้งเป้าว่าจะโพสต์บล็อกวันละ 1 โพสต์
-หา offer มาโปรโมทให้ได้ทุกวัน

ผมเชื่อว่าเมื่อได้ลงมือทำอะไรซักอย่างแล้ว มันจะต้องมีลู่ทาง เราจะมองเห็นอะไรบางอย่างในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เพื่อต่อยอด พัฒนา อะไรก็แล้วแต่ ต่อไป

ทำเถอะครับ #แค่นี้นะ

Friday, November 1, 2013

How to make $100 in CPA in the next 48 hours

จาก POF Advertising มันมากกว่าที่คิด บรรทัดสุดท้ายของบทความ ผมลงไว้ว่า หากคุณหยุดแปลว่าคุณช้า ผมหยุดทำ peerfly มา 4-5 เดือน ดูเวลาจากโพสต์สุดท้ายของบล็อก และในกรุ๊ปเฟสบุ๊ค สาเหตุที่ผมหยุดทำ peerfly มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เรื่องของเวลาเท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ใช้เวลามากมายในการทำงาน เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่มีเวลาวิเคราะห์ติดตามผลการทำงาน เงินที่ลงทุนในการซื้อ Traffic จะสูญเปล่าผมจึงไม่อยากเสี่ยงเสียเงินโดยใช่เหตุ และผมเองก็มีลูกน้อยตัวเล็ก ๆ เกิดมาดูโลกในช่วงเวลานี้พอดี เวลาส่วนใหญ่ก็เลยต้องดูแลลูกและภรรยา ยิ่งเด็กเล็ก ๆ นี่เลี้ยงยากมากเลย ผมเลี้ยงกับแฟนสองคน ไม่มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ วุ่นวายมาก แต่ก็มีความสุข

วันนี้กลับมาอัพเดตบล็อกเพราะคิดจะเริ่มวางแผนการทำงานใหม่ เลยเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติมใน warrior forum เจอโพสต์นี้น่าสนใจเลยหยิบมาแปลให้อ่านกันคร่าว ๆ ครับ

อ้างอิง ... http://www.warriorforum.com/ad-networks-cpa-cpm-cpl-millionaire-makers/565686-how-make-100-cpa-next-48-hours.html

     ผมคิดว่าทุกท่านคงจะทราบกันดีแล้วว่าในวงการของ CPA Marketing นั้นมีขุมทรัพย์มหาศาลซ่อนอยู่ ถ้าอยากจะได้เงินเหล่านั้น เราต้องมีวิธีการทำงานที่ถูกต้อง และวิธีการเหล่านั้นมันก็มีหลากหลายซะเหลือเกิน บางครั้งคนเรามันก็ซับซ้อนกันจนเกินไป มาดูวิธีง่าย ๆ กันดีกว่า

Target Traffic -> LP -> Capture User info -> Build Relationship / send to offer

รายละเอียดเพิ่มเติม เค้าอธิบายไว้ได้ค่อนข้างละเอียด ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นะครับ

ทีนี้เรามาดูว่าเราควรจะวางแผนการทำงานอย่างไรต่อไป
อันดับแรกสิ่งที่ต้องทำก่อนคือ เลือก Offer คือทำ Marketing Research นั่นเอง Super Affiliate นั้นเค้ามองเห็นช่องทางการทำตลาดได้ด้วยวิธีการคิดแบบ Creative Angle คือมองในมุมที่แตกต่างออกไป ถ้าใครได้ติดตามบล็อกของ Tyler Cruz อาจจะเคยผ่านตาว่าเค้าเคยแนะนำวิธีการคิดนอกกรอบให้ดู (ล่าสุดในบล็อกเค้าซื้อบ้านแล้ว น่าอิจฉามาก) ตัวอย่างเช่น

ถ้าคุณทำตลาด Dating กับผู้สูงอายุ 60+ เราต้องมาวิเคราะห์ก่อนว่า ชีวิตคนแก่หลังเกษียณเค้าต้องการอะไร แน่ล่ะ จุดประสงค์หลักของเราคือต้องการให้เค้ามาลงทะเบียนในเว็บไซต์ CPA ของเราใช่มั๊ยล่ะ เราต้องมีวิธีการนำเสนอ (หลอกล่อ) ให้แตกต่าง เพื่อ หลบหนีคู่แข่งทางการตลาด ที่แย่งกันบิดคีย์เวิร์ดคำว่า Dating นั่นเอง จนราคาของคำนี้พุ่งแตะหลัก 10 เหรียญ +++ สู้ไม่ไหวจริง ๆ

Creative Angle ทำยังไง
ต่อจากข้อมูลเดิม คนอายุ 60 กว่าของฝรั่ง เค้าน่าจะเกษียณพักผ่อนอยู่บ้านเหงา ๆ เพราะต่างประเทศ ลูกหลานมันออกจากบ้านไปนานแล้ว ไม่นิยมอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนเมืองไทย เอาล่ะสิ ยังไงต่อ ลองนึกถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่ผู้สูงอายุมักนิยมเล่น ที่เคยเห็นมากับตาสมัยไปเที่ยวออสเตรเลียคือ บ่อน 555 คนแก่ชอบเล่น Slot Machine มาก แกจะหิ้วกระป๋องใส่เหรียญมานั่งหน้าตู้แล้วก็หยอดแล้วก็เล่นอยู่นั่นแหละ อยู่ในนั้นทั้งวัน เราก็โฆษณาใน FB หรือ POF เพราะอะไรผมจึงไม่ยกตัวอย่าง PPC เพราะมันกรองคนได้ไม่ดีเหมือน FB หรือ POF นั่นเอง

     เล่น Slot คนเดียว เหงามั๊ย?
     ลองมาโยกกันดูซักวันมั๊ยจ๊ะ 
     รับรองเพื่อนเพียบ

อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างโฆษณาขำๆ ครับอย่าซีเรียส
โดยวิธีการเลือก Target ก็เลือก อายุ ความสนใจ เพศ เท่านั้นเอง เท่านี้ก็เรียกว่าเป็น Creative Angle แล้ว น่าสนุกมั๊ยล่ะครับ

ขั้นตอนต่อไปคือเราก็มาทำ LP ก็ทำให้สอดคล้องกับตลาดกันเท่านั้นเอง สำหรับผมเลือกทำเป็นแค่ Photoshop 1 หน้า แล้วเราก็ให้คลิกไปหน้า Offer เลย หรือจะเก็บ info ของ user ไว้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยส่งตามไปทีหลัง

เอาล่ะครับ วันหลังผมจะมายกตัวอย่างพร้อมอธิบายเพิ่มเติม สำหรับ Creative Angle ซึ่งเป็นอาวุธลับของ Super Affiliate นั่นเองครับ